วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กฎหมายข้างตัว : เรื่องเช่าที่รถไฟ


โดย:พิสิษฐ์ พลรักษ์เขตต์ จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์


วันนี้ขออนุญาตคุยกับพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวการรถไฟแห่งประเทศไทย ฐานชอบพอกันมานาน ในฐานะผู้โดยสารขาประจำปัจจุบันที่ในอดีตเป็นทั้งแฟนฟุตบอลทีมสโมสรการรถไฟ ถ้วย ข และค่ายมวย ร.ฟ.ท. ขาใหญ่ของราชดำเนิน ลุมพินี สมัยสามสิบสี่สิบกว่าปีที่แล้ว หน็อยแน่เล่นเอามวยตัวเอกซุ่มเงียบไปล่าเงินรางวัลสนามมวยบ้านนอก ด้วยเหตุนี้มวยดังงานวัดเพื่อนกระผมจึงจำบ้านเลขที่ตนเองไม่ได้ ขนาดลงมาจากเวทีตั้งนานแล้วนะนั่น อารยะขัดขืนอีซ้ายตรงของคุณพี่ ร.ฟ.ท. ไม่ไหว นอนดีฝ่า วันนี้จึงขอสนองศรัทธาคนกันเองด้วยการวิสาสะกันสองสามเรื่อง เรื่องแรกอยู่ในประเภทร้องบ่น ท่านผู้อ่านแฟนพันธุ์แท้การรถไฟเหมือนกันอีเมลบ่นมาว่าราคาอาหารตู้เสบียงแพงมาก ความอร่อยอยู่ในระดับกินแก้หิวเท่านั้นหาความเพลิดเพลินเหมือนสมัยก่อนมิได้ ในอดีตนั้นอย่าว่าแต่อาหารตู้เสบียงเลยขอรับ ระดับตะโกนขายที่ชานชาลาสถานียังเชลล์ชวนชิม ราคงราคาสมควรแก่เหตุ อุปกรณ์ห้องน้ำชำรุดแตกหัก ขนาดตู้นอนชั้นหนึ่ง ชั้นสองนะเนี่ย ไม่ต้องพูดถึงชั้นสาม เรื่องที่สองเป็นเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับกฎระเบียบการห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นตู้โดยสารว่าได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรบ้าง อันนี้กระผมเจอด้วยตัวเองสองสามหนแล้ว สาว ๆ นำลูกหมาตัวน้อยไปนอนร่วมตู้นอนปรับอากาศ เหตุเกิดตอนรุ่งอรุณเมื่อผู้โดยสารทุกคนได้กลิ่นตุ่ย ๆ อบอวลทั้งตู้และพบว่าเจ้าของหมากำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดส่วนเกินของลูกหมายามเช้า ก็ดมกันไปไม่มีปัญหา แต่เกรงว่าสักวันหนึ่งผัวงู เมียงูท่านมีเหตุต้องเดินทางแล้วนำคู่ของท่านไปด้วย ตัวใครตัวมันนะโยม คอยนับจำนวนผู้โดยสารให้ครบตอนเช้าก็แล้วกัน เรื่องที่สาม คราวนี้เป็นคดีความครับผม เข้ากับความจากเสาร์ที่แล้วกรณีคดีเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองที่มีกำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหนึ่งปีเป็นห้าปีนับตั้งแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ไม่มีเหตุให้ผู้โดยสารต้องการฟ้องคดีหรอกครับ แต่เป็นคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดกรณีสัญญาทางปกครองหรือสัญญาทางแพ่งดังกล่าว คดีนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะที่รู้กันดีว่าท่านเป็นเจ้าของที่ดินทำเลทองเยอะแยะไปหมด ใคร ๆ ก็อยากเช่าที่ของการรถไฟทั้งนั้น เผอิญมีเหตุว่าการรถไฟไปบอกเลิกสัญญาเช่าและฟ้องขับไล่เอกชนผู้เช่ารายหนึ่งเนื่องจากผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า จึงเป็นทีของผู้เช่าช่วงจากผู้เช่ารายนั้นยื่นเรื่องขอเช่ากับการรถไฟโดยตรง แถมบรรยากาศก็เอื้ออำนวยซะด้วย เพราะทราบมาเป็นการภายในว่าคณะกรรมการพิจารณาการเช่ามีมติเห็นชอบให้ผู้เช่าช่วงผู้แสนจะโชคดีรายนี้ได้เช่าต่อ โนพลอมเพลม แต่อนิจจังไม่เที่ยง โหรดังยังทายผิด ผู้เช่าช่วงรายนี้ต้องกลายเป็นผู้ฟ้องคดีไปในที่สุดเพราะการรถไฟผู้ถูกฟ้องคดีเพิกเฉยไม่ทำสัญญา มิหนำซ้ำยังทำการรื้อถอนสำนักงานตลอดจนที่พักอาศัยในที่ดินที่จะขอเช่าแบบไม่สนผู้ใด ผู้เช่าช่วงจึงฟ้องต่อศาลปกครองขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยผู้ถูกฟ้องคดีทำสัญญาเช่าตามมติของคณะกรรมการพิจารณาการเช่า และขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามผู้ถูกฟ้องคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินพิพาท ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องไว้พิจารณา ท่านว่าเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิครอบครองและสิทธิการเช่าที่ดินอันเป็นนิติกรรมทางแพ่ง มิได้เป็นนิติกรรมทางปกครองอันอยู่ในเขตอำนาจศาล ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่ามติของคณะกรรมการพิจารณาการเช่าย่อมผูกพันผู้ถูกฟ้องคดี ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า นิติกรรมที่หน่วยงานทางปกครองกระทำกับเอกชนอาจมีทั้งนิติกรรมทางปกครองหรือนิติกรรมทางแพ่งก็ได้ กรณีนี้ผู้ฟ้องคดีจะนำทรัพย์สินของผู้ถูกฟ้องคดีไปจัดหาประโยชน์เพื่อพัฒนาทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์และเพิ่มพูนรายได้จึงเป็นการดำเนินการในเชิงพาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีทำคำเสนอขอเช่าจึงเป็นกระบวนการหรือขั้นตอนที่นำไปสู่การทำสัญญาเช่า ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความสมัครใจในการเข้าทำสัญญา และคู่สัญญาอยู่ในฐานะเท่าเทียมกัน อันเป็นนิติกรรมทางแพ่ง มิใช่กรณีพิพาทเกี่ยวกับคดีปกครองอันอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง นอกจากนั้นมติของคณะกรรมการพิจารณาการเช่าเป็นเพียงการดำเนินการภายในของผู้ถูกฟ้องคดี มิได้มีผลกระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีอันจะถือเป็นคำสั่งทางปกครอง และการเช่าที่ดินดังกล่าวจะต้องผ่านกระบวนการตามระเบียบการให้เช่าของผู้ถูกฟ้องคดี ดังนั้น แม้คณะกรรมการพิจารณาการเช่าจะมีมติดังกล่าวหรือไม่ ก็ ไม่มีผลผูกพันผู้ถูกฟ้องคดี ที่จะต้องปฏิบัติตามมตินั้นแต่อย่างใด มีคำสั่งไม่รับฟ้องยืนตามศาลปกครองชั้นต้น (คำสั่งที่ ๔๗๘/๒๕๔๘) ต้องไปฟ้องที่ศาลยุติธรรมครับผม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น